Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO
Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO
Backlink คืออะไร?
Backlink หรือที่เรียกอีกชื่อว่า inbound link คือลิงก์ที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของเราจากเว็บไซต์อื่น โดยที่ลิงก์นั้นจะคลิกได้ ซึ่ง backlink เป็นตัวบอกว่าเว็บไซต์ของเราได้รับความนิยมจากเว็บไซต์อื่น ด้วยการแลกเปลี่ยนกัน หรือถูกอ้างอิง(Ref. Domain)โดยเว็บไซต์อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและการจัดอันดับไซต์ของเราในเครื่องมือค้นหา เนื่องจากการมี backlink เยอะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา และนับเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาออนไลน์ เช่น
เช่น
- Google.
- Bing.
- Yandex.
- DuckDuckGo.
- ยาฮู!
- ไป่ตู้
ซึ่งแบล็คลิ้งค์นั่นเป็นลิงค์ที่ส่งทราฟฟิค ส่งคืนมาที่เว็บของพวกเรา เพื่อทำให้เว็บเรามีคนเข้ามาดูเพิ่มมากขึ้น ดูน่าไว้วางใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะสามารถทำให้การติดอันดับ SEO ดียิ่งขึ้นนั่นเอง คุณประโยชน์ของ Backlinkเป็นสามารถสร้างทราฟฟิคกลับมายังเว็บของพวกเรา และก็สร้างอันดับของ SEO ให้ดียิ่งขึ้น
องค์ประกอบของ Backlink มีส่วนต่าง ๆ โดยคร่าวๆ ดังนี้
Backlink ที่ไม่ดี (Low-Quality Backlink) คือ backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ หรือถูกทำขึ้นมาเพื่อเพิ่มจำนวน backlink เท่านั้น โดยไม่ได้รับการอนุมัติหรือสนับสนุนจากเว็บไซต์อื่น อย่างเช่น backlink จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา หรือเว็บไซต์ที่มีประวัติศาสตร์การละเมิดเงื่อนไขการใช้งานของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ
ส่วน Backlink ที่ดี (High-Quality Backlink) คือ backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา และได้รับการอนุมัติหรือสนับสนุนจากเว็บไซต์อื่น โดย backlink ที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสำคัญของเว็บไซต์ของเรา และส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาออนไลน์ได้โดยตรง
โครงสร้างของ backlink
ลิงก์ (Link) – เป็นส่วนที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของเรา
ลิงก์ (Link) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ Backlink ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์กัน โดยทั่วไปแล้วลิงก์จะประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่
URL หรือ Uniform Resource Locator: เป็นที่อยู่ของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการเชื่อมโยง โดยปกติแล้ว URL จะประกอบด้วยโพรโตคอล (Protocol) เช่น http, https, ftp และชื่อโดเมน (Domain name) เช่น google.com รวมถึงส่วนที่ระบุถึงเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง เช่น /search?q=backlink
Anchor Text: เป็นข้อความที่ใช้ในการเชื่อมโยงเพื่ออธิบายเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง ซึ่งจะแสดงผลเป็นลิงก์บนหน้าเว็บไซต์ โดยส่วนมากจะเป็นคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง เช่น “อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Backlink”
ดังนั้น Backlink จึงเป็นการเชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์โดยใช้ลิงก์เพื่อส่งผู้ใช้งานจากหน้าเว็บไซต์หนึ่งไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ โดยที่ลิงก์นั้นสามารถประกอบด้วย URL และ Anchor Text ในการเชื่อมโยงเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และความเข้าใจในการใช้งานของผู้ใช้
- เนื้อหาต้นฉบับ (Source Content) – เป็นส่วนที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเรา
เนื้อหาต้นฉบับหรือ Source Content ในทางเทคนิคของ Backlink เป็นส่วนที่มีลิงก์ (Link) ไปยังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งมักจะเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง และน่าสนใจ ซึ่งเราจะนำไปใช้ในกลยุทธ์การทำ SEO ของเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มพลังในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เนื้อหาต้นฉบับสามารถเป็นได้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหน้าเว็บไซต์ ส่วนที่มีลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งอาจจะเป็นบทความ รีวิวสินค้า บทความวิชาการ หรือแม้กระทั่งภาพถ่าย และวิดีโอที่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย เนื้อหาต้นฉบับนี้จะถูกนำมาสร้าง Backlink เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเก็บไว้เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเราในตัวแบบของเครื่องมือการค้นหา ซึ่งอย่างไรก็ตาม เนื้อหาต้นฉบับจะต้องมีคุณภาพและเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการทำ SEO ของเว็บไซต์เรา
- เนื้อหาเป้าหมาย (Target Content) – เป็นส่วนที่มีการแทรกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเรา
เนื้อหาเป้าหมายหรือ Target Content ในทางเทคนิคของ Backlink เป็นส่วนที่มีการแทรกลิงก์ (Link) ไปยังเว็บไซต์ของเรา โดยเป็นเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าของเว็บไซต์อื่นๆ และมีการเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการแทรกลิงก์เชื่อมโยงนี้สามารถอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร, คำ, รูปภาพ, วิดีโอ, หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชัน โดยลิงก์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เนื้อหาเป้าหมายนี้สามารถเป็นได้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหน้าเว็บไซต์ โดยจะมีการเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเราซึ่งอาจจะเป็นเว็บไซต์หรือหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา ซึ่งการทำ Backlink โดยใช้เนื้อหาเป้าหมายนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเราในตัวแบบของเครื่องมือการค้นหา แต่ต้องระวังการใช้ Backlink จากเนื้อหาเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่เหมาะสมกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของเรา เพราะอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผลงาน SEO ที่ไม่ดีหรือมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของเรา อย่างไรก็ตาม การใช้ Backlink จากเนื้อหาเป้าหมายที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเรา และช่วยเพิ่มโอกาสในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ของเราในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Backlink ควรใช้เนื้อหาเป้าหมายที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง โดยการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจต่อผู้อ่านจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมี Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของเราอีกด้วย
- ข้อความเชื่อมโยง (Anchor Text) – เป็นส่วนที่อยู่ภายในเนื้อหาเป้าหมาย ที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา
ข้อความเชื่อมโยง (Anchor Text) เป็นส่วนที่อยู่ภายในเนื้อหาเป้าหมายที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งส่วนนี้จะเป็นตัวบอกให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าหน้าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือคำค้นหาอะไร ดังนั้นจึงสำคัญที่จะใช้คำหรือประโยคที่เกี่ยวข้องและมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ การใช้ Anchor Text ที่เหมาะสมและมีคุณภาพสูงยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของ Backlink และช่วยเพิ่มโอกาสในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ของเราในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Backlink ควรใช้ Anchor Text ที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง โดยการใช้คำหรือประโยคที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมี Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของเราอีกด้วย แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้ Anchor Text ที่ซ้ำซ้อนหรือเกินจำเป็นเพราะอาจทำให้เครื่องมือค้นหาระบุว่าเราได้ทำการสร้าง Backlink อย่างไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับไม่ดีที่ตามมาในอนาคตได้เลย
- ความสัมพันธ์ (Relationship) – เป็นส่วนที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมาย ซึ่งสามารถเป็น backlink ได้หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ที่ใช้ anchor text เป็นชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์ที่อยู่ในคำอธิบายของเนื้อหาต้นฉบับ ฯลฯ
ความสัมพันธ์ (Relationship) เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบของ Backlink ที่ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมาย โดยปกติแล้วจะเป็นลิงก์ที่อยู่ภายในเนื้อหาต้นฉบับ โดยส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบของตัวอักษรขนาดเล็กและเป็นสีเทา เพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่านี่เป็นลิงก์และสามารถคลิกได้ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งความสัมพันธ์อาจจะเป็นไปได้หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ที่ใช้ anchor text เป็นชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์ที่อยู่ในคำอธิบายของเนื้อหาต้นฉบับ โดยการใช้ความสัมพันธ์ในการสร้าง Backlink จะช่วยให้การออกแบบเนื้อหาและการวางแผนการสร้าง Backlink ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมายมีความสัมพันธ์กันอย่างมากเพื่อเพิ่มค่าความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของเนื้อหาที่สร้างขึ้น.
การสร้าง Backlink ที่ดีต้องคำนึงถึงการเลือกเว็บไซต์ที่เหมาะสมและการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านของเว็บไซต์เหล่านั้น
นี่คือวิธีการสร้าง Backlink ที่ดี:
สร้างเนื้อหาที่ดี – สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน เนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมมาที่เว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
ค้นหาเว็บไซต์ที่เหมาะสม – ค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและมีความน่าเชื่อถือ ทำการค้นหาโดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ เช่น “เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว”
ส่งอีเมล์และคำขอเชื่อมโยง – ส่งอีเมล์หรือคำขอเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่คุณพบว่าเหมาะสมและมีคุณภาพ เพื่อขอให้พวกเขาเชื่อมโยงกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ คุณควรใช้คำขอเชื่อมโยงที่สุภาพและเหมาะสม
สร้างโปรไฟล์ผู้ใช้บนโซเชียลมีเดีย – การสร้างโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียจะช่วยให้คุณสามารถโพสต์เนื้อหาของคุณและลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ โดยการโพสต์เนื้อหาในโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและการใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยให้เนื้อหาของคุณพบกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
สร้างซับโดเมนของเว็บไซต์ของคุณ – การสร้างซับโดเมนของเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้คุณสามารถสร้างลิงค์เชื่อมโยงกลับไปยังเว็บไซต์หลักของคุณได้ โดยการสร้างซับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความน่าเชื่อถือจาก Google และเพิ่มโอกาสในการได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น
ใช้เครื่องมือการค้นหา Backlink – การใช้เครื่องมือการค้นหา Backlink เช่น Ahrefs, SEMrush หรือ Moz จะช่วยให้คุณค้นหาเว็บไซต์ที่สามารถสร้าง Backlink ได้และวิเคราะห์การสร้าง Backlink ของคู่แข่งของคุณ โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณประเมินค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เหล่านั้นๆ
DoFollow และ NoFollow
เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DoFollow และ NoFollow ให้ดี ไม่งั้น การทำอันดับของเรา อาจจะมีปัญหาได้
- DoFollow เป็นการส่งพลังจากเว็บนั้นๆมาที่เว็บพวกเราโดยตรง ทำให้เว็บมีความน่านับถือ จังหวะการติดอันดับจะง่ายดายมากยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆในธุรกิจสายเดียวกันก็อาจไม่มีผู้ใดต้องการส่งอย่างนี้ให้เท่าไร
นี่คือตัวอย่าง backlink แบบ dofollow ในรูปแบบของโค้ด HTML:
<a href="https://www.example.com" target="_blank" rel="dofollow">Example</a>
ในตัวอย่างนี้:
https://www.example.com
คือ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงไปยังtarget="_blank"
คือการกำหนดให้เปิดลิงก์ในหน้าต่างใหม่rel="dofollow"
คือการกำหนดให้เชื่อมโยงนี้เป็น backlink แบบ dofollow ที่ส่ง PageRank ของเว็บไซต์ต้นทางไปยังเว็บไซต์ปลายทาง
ควรระวังการใช้งาน backlink เพื่อให้เป็นไปตามกฎและประกาศของ Google เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปรับแพ็คเกจการค้นหา (Search Engine Penalty) ดังนั้นควรจะทำการสร้าง backlink ให้เป็นธรรมชาติและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่าแก่ผู้ใช้งานที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงด้วย backlink นั้นๆ อย่างไรก็ตามการใช้ backlink จะต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเลือกใช้ซอร์สจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูงเท่านั้น ไม่ควรใช้ backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เชื่อถือได้หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับกฎหมายและจริยธรรมของสังคม
- NoFollow หมายถึงการผลิตทราฟฟิคจากเว็บอื่นๆมาที่เว็บพวกเรา เป็นการสร้างทราฟฟิคเพียงแค่นั้น ไม่ได้คะแนนความน่าไว้วางใจ แต่ว่าอีกต้นเหตุของแนวทางการทำ SEOหมายถึงเรื่อง ทราฟฟิค ถ้าพวกเราเขียนข้อมูลลงเว็บดี คนบางครั้งอาจจะเอาไปแชร์ ถึงไม่ได้เรื่องเชื่อได้ แต่ว่าก็ได้ทราฟฟิคมาทำให้เว็บไซต์พวกเราติด SEO ได้ด้วยเหมือนกัน
นี่คือตัวอย่าง backlink แบบ nofollow ในรูปแบบของโค้ด HTML:
php<a href="https://www.example.com" target="_blank" rel="nofollow">Example</a>
ในตัวอย่างนี้:
https://www.example.com
คือ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงไปยังtarget="_blank"
คือการกำหนดให้เปิดลิงก์ในหน้าต่างใหม่rel="nofollow"
คือการกำหนดให้เชื่อมโยงนี้เป็น backlink แบบ nofollow ที่ไม่ส่ง PageRank ของเว็บไซต์ต้นทางไปยังเว็บไซต์ปลายทาง
การใช้ backlink แบบ nofollow จะช่วยลดความเสี่ยงของการถูกปรับแพ็คเกจการค้นหา (Search Engine Penalty) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่เราจะเชื่อมโยงไปยังนั้นมีคุณภาพและเชื่อถือได้หรือไม่ แต่ในเวลาเดียวกันการใช้ backlink แบบ nofollow ก็จะไม่ส่ง PageRank ให้กับเว็บไซต์ปลายทาง ทำให้ไม่มีประโยชน์ต่อ SEO ของเว็บไซต์ปลายทาง ดังนั้นหากเราต้องการส่ง PageRank ให้กับเว็บไซต์ปลายทางเราควรใช้ backlink แบบ dofollow แทน
เรื่องของ Backlink ก็ยังมีรายละเอียดต่างๆอีกมากมาย ได้แก่ ค่า DA/PA (Domain Authority/ Page Authority) ฯลฯ ซึ่งค่อนจะดีเทลพอควร แต่ในที่สุดแล้วเรื่องสำคัญเลยก็คือ ประสิทธิภาพและก็รายละเอียดของเว็บที่ทำลิงค์กลับมาหาพวกเรานั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวการเลือกเว็บที่พวกเราจะไปสร้างลิงค์กลับมาก็ให้คิดเช่นเดียวกันการจะเลือกคบเพื่อนนั่นแหละครับ คบเพื่อนฝูงดีพวกเราก็ย่อมจะดีไปด้วย แม้กระนั้นหากคบเพื่อนฝูงไม่ดีแล้ว ท้ายที่สุดก็จะพาพวกเราไปทุกข์ยากลำบากอย่างแน่นอน