MRTSEODESIGN

DEV

Analytics Website

Strategic Planner

Website Design

Buyer-Ads Manager

Seo Specialist

PBN Maker

ที่ปรึกษาด้าน IT

System Administrator

Systems Engineer

Data Analytics / Researcher

Computer Engineer

Cyber Security

MRTSEODESIGN

DEV

Analytics Website

Strategic Planner

Website Design

Buyer-Ads Manager

Seo Specialist

PBN Maker

ที่ปรึกษาด้าน IT

System Administrator

Systems Engineer

Data Analytics / Researcher

Computer Engineer

Cyber Security

สาระน่ารู้

Site structure หรือโครงสร้างเว็บไซต์ และข้อมูลที่ควรรู้

Site structure หรือโครงสร้างเว็บไซต์ และข้อมูลที่ควรรู้

Site structure หรือโครงสร้างเว็บไซต์ เป็นรูปแบบการจัดเรียงหน้าเว็บไซต์ของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการกำหนดว่าเนื้อหาของเว็บไซต์จะถูกแสดงอย่างไร รวมถึงวิธีการเชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์แต่ละหน้ากันให้สอดคล้องกันอย่างเหมาะสม

การสร้าง site structure ที่ดีสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดายและสามารถเข้าใจได้ดี เช่น การจัดเรียงเมนูหรือเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ให้มีลำดับตามลำดับของหัวข้อหรือเนื้อหา การใช้คำสำคัญเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์ การใช้ URL ที่สื่อความหมายได้ชัดเจน และอื่นๆ

การออกแบบ site structure ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา และการให้การสนับสนุนที่เหมาะสมกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาในเครื่องมือค้นหาต่างๆ เช่น Google และ Bing โดยเฉพาะ

การออกแบบ site structure ที่ประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้

  1. การจัดเรียงหน้าเว็บไซต์: หน้าเว็บไซต์ควรจัดเรียงเป็นลำดับเหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้โดยง่าย ๆ และเข้าใจได้ดี โดยควรจัดเรียงตามหลักการที่เหมาะสมเช่น การจัดเรียงตามลำดับของเนื้อหา หรือการจัดเรียงตามหมวดหมู่ของเนื้อหา
  2. การใช้ URL ที่สื่อความหมายได้ชัดเจน: URL หรือที่อยู่ของหน้าเว็บไซต์ควรใช้ชื่อที่สื่อความหมายได้ชัดเจน และสอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในหน้านั้น ๆ โดย URL ที่ดีควรมีโครงสร้างที่เข้าใจง่ายและมีประสิทธิภาพในการทำ SEO และการแบ่งปันบนโซเชียลมีเดีย
  3. การใช้โครงสร้างของเนื้อหา: โครงสร้างของเนื้อหาควรมีความสอดคล้องกับหัวข้อหรือเนื้อหาที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ โดยการใช้ Heading tag ในการจัดลำดับเนื้อหา และใช้คำสำคัญที่สื่อความหมายได้ชัดเจนเพื่อช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการทำ SEO
  4. การใช้เมนู: เมนูหรือ Navigation ควรถูกออกแบบให้สอดคล้องกับโครงสร้างของเนื้อหาและประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา โดยควรจัดเรียงอย่างเหมาะสมและทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
    1. การใช้ Search function: การใช้ฟังก์ชันการค้นหาเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น
    2. การทำให้เว็บไซต์เป็น responsive: เว็บไซต์ควรออกแบบให้เป็น responsive หรือสามารถปรับขนาดและรูปแบบได้ตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่และทุกเวลา

    การออกแบบ site structure ที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย

    Site structure ที่ไม่ดีอาจมีผลเสียต่อ SEO ของเว็บไซต์ได้หลายประการดังนี้:

    1. การทำ Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจน Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถระบุหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้อย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดตำแหน่งที่ต่ำกว่าในผลการค้นหา
    2. การใช้ URL ที่ไม่สะดวกสบาย URL ที่ยาวหรือซับซ้อนอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการจำ URL และทำให้ผู้ใช้งานไม่มีแรงจูงใจในการแชร์ URL ของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการแชร์และสร้าง Backlink ได้น้อยลง
    3. การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Keyword stuffing หรือ Cloaking อาจทำให้เว็บไซต์ถูกตัดสิทธิ์การแสดงผลในการค้นหา และถูกปรับลดอันดับในผลการค้นหา
    4. การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Flash หรือ JavaScript ในการสร้างเว็บไซต์ อาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถอ่านและแสดงผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์
    5. การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้อง การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้องอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการใช้งานเว็บไซต์
    6. การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine อาจทำให้ Search engine ไม่สามารถระบุความสำคัญของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการประเมินค่าของ Search engine โดยสม่ำเสมอ
    7. การไม่มีการอัพเดต Site structure การไม่มีการอัพเดต Site structure เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ SEO ของเว็บไซต์ลดลง ซึ่งเป็นเหตุผลเพราะว่า Search engine ตลอดเวลามีการอัพเดตอัลกอริทึมของตนเองเพื่อปรับปรุงการค้นหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้น การอัพเดต Site structure เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีความเข้ากันได้กับอัลกอริทึมใหม่ ๆ ของ Search engine และเพิ่มโอกาสในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์การอัพเดต Site structure นั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง แต่ควรทำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น เพิ่มหรือลบหน้าเว็บไซต์ หรือเปลี่ยนชื่อ URL ของหน้าเว็บไซต์ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ Search engine มีการระบุความสำคัญของเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้าถึงเนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนอกจากนี้ การอัพเดต Site structure ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Search engine ได้อีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่มี Site structure ที่อัพเดตอยู่เสมอจะมีโอกาสในการปรับปรุง SEO
  • การจัดเรียงหน้าเว็บไซต์: หน้าเว็บไซต์ควรจัดเรียงเป็นลำดับเหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้โดยง่าย ๆ และเข้าใจได้ดี โดยควรจัดเรียงตามหลักการที่เหมาะสมเช่น การจัดเรียงตามลำดับของเนื้อหา หรือการจัดเรียงตามหมวดหมู่ของเนื้อหา
  • การใช้ URL ที่สื่อความหมายได้ชัดเจน: URL หรือที่อยู่ของหน้าเว็บไซต์ควรใช้ชื่อที่สื่อความหมายได้ชัดเจน และสอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในหน้านั้น ๆ โดย URL ที่ดีควรมีโครงสร้างที่เข้าใจง่ายและมีประสิทธิภาพในการทำ SEO และการแบ่งปันบนโซเชียลมีเดีย
  • การใช้โครงสร้างของเนื้อหา: โครงสร้างของเนื้อหาควรมีความสอดคล้องกับหัวข้อหรือเนื้อหาที่อยู่ในหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ โดยการใช้ Heading tag ในการจัดลำดับเนื้อหา และใช้คำสำคัญที่สื่อความหมายได้ชัดเจนเพื่อช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการทำ SEO
  • การใช้เมนู: เมนูหรือ Navigation ควรถูกออกแบบให้สอดคล้องกับโครงสร้างของเนื้อหาและประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา โดยควรจัดเรียงอย่างเหมาะสมและทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
    1. การใช้ Search function: การใช้ฟังก์ชันการค้นหาเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น
    2. การทำให้เว็บไซต์เป็น responsive: เว็บไซต์ควรออกแบบให้เป็น responsive หรือสามารถปรับขนาดและรูปแบบได้ตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่และทุกเวลา

    การออกแบบ site structure ที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย

    Site structure ที่ไม่ดีอาจมีผลเสียต่อ SEO ของเว็บไซต์ได้หลายประการดังนี้:

    1. การทำ Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจน Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถระบุหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้อย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดตำแหน่งที่ต่ำกว่าในผลการค้นหา
    2. การใช้ URL ที่ไม่สะดวกสบาย URL ที่ยาวหรือซับซ้อนอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการจำ URL และทำให้ผู้ใช้งานไม่มีแรงจูงใจในการแชร์ URL ของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการแชร์และสร้าง Backlink ได้น้อยลง
    3. การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Keyword stuffing หรือ Cloaking อาจทำให้เว็บไซต์ถูกตัดสิทธิ์การแสดงผลในการค้นหา และถูกปรับลดอันดับในผลการค้นหา
    4. การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Flash หรือ JavaScript ในการสร้างเว็บไซต์ อาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถอ่านและแสดงผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์
    5. การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้อง การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้องอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการใช้งานเว็บไซต์
    6. การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine อาจทำให้ Search engine ไม่สามารถระบุความสำคัญของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการประเมินค่าของ Search engine โดยสม่ำเสมอ
    7. การไม่มีการอัพเดต Site structure การไม่มีการอัพเดต Site structure เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ SEO ของเว็บไซต์ลดลง ซึ่งเป็นเหตุผลเพราะว่า Search engine ตลอดเวลามีการอัพเดตอัลกอริทึมของตนเองเพื่อปรับปรุงการค้นหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้น การอัพเดต Site structure เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีความเข้ากันได้กับอัลกอริทึมใหม่ ๆ ของ Search engine และเพิ่มโอกาสในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์การอัพเดต Site structure นั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง แต่ควรทำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น เพิ่มหรือลบหน้าเว็บไซต์ หรือเปลี่ยนชื่อ URL ของหน้าเว็บไซต์ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ Search engine มีการระบุความสำคัญของเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้าถึงเนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนอกจากนี้ การอัพเดต Site structure ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Search engine ได้อีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่มี Site structure ที่อัพเดตอยู่เสมอจะมีโอกาสในการปรับปรุง SEO
  1. การใช้ Search function: การใช้ฟังก์ชันการค้นหาเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น
  2. การทำให้เว็บไซต์เป็น responsive: เว็บไซต์ควรออกแบบให้เป็น responsive หรือสามารถปรับขนาดและรูปแบบได้ตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่และทุกเวลา
  • การใช้ Search function: การใช้ฟังก์ชันการค้นหาเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงเนื้อหา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น
  • การทำให้เว็บไซต์เป็น responsive: เว็บไซต์ควรออกแบบให้เป็น responsive หรือสามารถปรับขนาดและรูปแบบได้ตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ทุกที่และทุกเวลา

 

  1. การทำ Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจน Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถระบุหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้อย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดตำแหน่งที่ต่ำกว่าในผลการค้นหา
  2. การใช้ URL ที่ไม่สะดวกสบาย URL ที่ยาวหรือซับซ้อนอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการจำ URL และทำให้ผู้ใช้งานไม่มีแรงจูงใจในการแชร์ URL ของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการแชร์และสร้าง Backlink ได้น้อยลง
  3. การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Keyword stuffing หรือ Cloaking อาจทำให้เว็บไซต์ถูกตัดสิทธิ์การแสดงผลในการค้นหา และถูกปรับลดอันดับในผลการค้นหา
  4. การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Flash หรือ JavaScript ในการสร้างเว็บไซต์ อาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถอ่านและแสดงผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์
  5. การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้อง การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้องอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการใช้งานเว็บไซต์
  6. การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine อาจทำให้ Search engine ไม่สามารถระบุความสำคัญของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการประเมินค่าของ Search engine โดยสม่ำเสมอ
  7. การไม่มีการอัพเดต Site structure การไม่มีการอัพเดต Site structure เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ SEO ของเว็บไซต์ลดลง ซึ่งเป็นเหตุผลเพราะว่า Search engine ตลอดเวลามีการอัพเดตอัลกอริทึมของตนเองเพื่อปรับปรุงการค้นหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้น การอัพเดต Site structure เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีความเข้ากันได้กับอัลกอริทึมใหม่ ๆ ของ Search engine และเพิ่มโอกาสในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์การอัพเดต Site structure นั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง แต่ควรทำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น เพิ่มหรือลบหน้าเว็บไซต์ หรือเปลี่ยนชื่อ URL ของหน้าเว็บไซต์ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ Search engine มีการระบุความสำคัญของเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้าถึงเนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนอกจากนี้ การอัพเดต Site structure ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Search engine ได้อีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่มี Site structure ที่อัพเดตอยู่เสมอจะมีโอกาสในการปรับปรุง SEO
  • การทำ Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจน Site structure ที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถระบุหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้อย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสติดตำแหน่งที่ต่ำกว่าในผลการค้นหา
  • การใช้ URL ที่ไม่สะดวกสบาย URL ที่ยาวหรือซับซ้อนอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการจำ URL และทำให้ผู้ใช้งานไม่มีแรงจูงใจในการแชร์ URL ของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการแชร์และสร้าง Backlink ได้น้อยลง
  • การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคนิค SEO ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Keyword stuffing หรือ Cloaking อาจทำให้เว็บไซต์ถูกตัดสิทธิ์การแสดงผลในการค้นหา และถูกปรับลดอันดับในผลการค้นหา
  • การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ Flash หรือ JavaScript ในการสร้างเว็บไซต์ อาจทำให้เครื่องมือค้นหาไม่สามารถอ่านและแสดงผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการเข้าถึงเนื้อหาของเว็บไซต์
  • การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้อง การไม่เชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ใน Site structure อย่างถูกต้องอาจทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และทำให้ผู้ใช้งานไม่สะดวกในการใช้งานเว็บไซต์
  • การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine การไม่ให้เนื้อหาของเว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search engine อาจทำให้ Search engine ไม่สามารถระบุความสำคัญของเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง และทำให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการประเมินค่าของ Search engine โดยสม่ำเสมอ
  • การไม่มีการอัพเดต Site structure การไม่มีการอัพเดต Site structure เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้ SEO ของเว็บไซต์ลดลง ซึ่งเป็นเหตุผลเพราะว่า Search engine ตลอดเวลามีการอัพเดตอัลกอริทึมของตนเองเพื่อปรับปรุงการค้นหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานอยู่เสมอ ดังนั้น การอัพเดต Site structure เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีความเข้ากันได้กับอัลกอริทึมใหม่ ๆ ของ Search engine และเพิ่มโอกาสในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์การอัพเดต Site structure นั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้ง แต่ควรทำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น เพิ่มหรือลบหน้าเว็บไซต์ หรือเปลี่ยนชื่อ URL ของหน้าเว็บไซต์ การทำเช่นนี้จะช่วยให้ Search engine มีการระบุความสำคัญของเนื้อหาของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้าถึงเนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนอกจากนี้ การอัพเดต Site structure ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Search engine ได้อีกด้วย โดยเว็บไซต์ที่มี Site structure ที่อัพเดตอยู่เสมอจะมีโอกาสในการปรับปรุง SEO
Write a comment