MRTSEODESIGN

DEV

Analytics Website

Strategic Planner

Website Design

Buyer-Ads Manager

Seo Specialist

PBN Maker

ที่ปรึกษาด้าน IT

System Administrator

Systems Engineer

Data Analytics / Researcher

Computer Engineer

Cyber Security

MRTSEODESIGN

DEV

Analytics Website

Strategic Planner

Website Design

Buyer-Ads Manager

Seo Specialist

PBN Maker

ที่ปรึกษาด้าน IT

System Administrator

Systems Engineer

Data Analytics / Researcher

Computer Engineer

Cyber Security

สาระน่ารู้

Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO

Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO
Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO

Backlink คืออะไร? มีความสำคัญยังไงกับ SEO

 
แน่นอนว่าการทำ SEO คุณต้องรู้จักกับ “Backlink” สิ่งๆ นี้มีความหมายและสำคัญกับการทำ SEO แค่ไหน เราไปหาคำตอบของคำถามนี้กันเลย
 

Backlink คืออะไร?

Backlink หรือที่เรียกอีกชื่อว่า inbound link คือลิงก์ที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของเราจากเว็บไซต์อื่น โดยที่ลิงก์นั้นจะคลิกได้ ซึ่ง backlink เป็นตัวบอกว่าเว็บไซต์ของเราได้รับความนิยมจากเว็บไซต์อื่น ด้วยการแลกเปลี่ยนกัน หรือถูกอ้างอิง(Ref.  Domain)โดยเว็บไซต์อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและการจัดอันดับไซต์ของเราในเครื่องมือค้นหา เนื่องจากการมี backlink เยอะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา และนับเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาออนไลน์ เช่น 

เช่น

  • Google.
  • Bing.
  • Yandex.
  • DuckDuckGo.
  • ยาฮู!
  • ไป่ตู้

ซึ่งแบล็คลิ้งค์นั่นเป็นลิงค์ที่ส่งทราฟฟิค ส่งคืนมาที่เว็บของพวกเรา เพื่อทำให้เว็บเรามีคนเข้ามาดูเพิ่มมากขึ้น ดูน่าไว้วางใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะสามารถทำให้การติดอันดับ SEO ดียิ่งขึ้นนั่นเอง คุณประโยชน์ของ Backlinkเป็นสามารถสร้างทราฟฟิคกลับมายังเว็บของพวกเรา และก็สร้างอันดับของ SEO ให้ดียิ่งขึ้น

องค์ประกอบของ Backlink มีส่วนต่าง ๆ โดยคร่าวๆ ดังนี้

Backlink ที่ไม่ดี (Low-Quality Backlink) คือ backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ หรือถูกทำขึ้นมาเพื่อเพิ่มจำนวน backlink เท่านั้น โดยไม่ได้รับการอนุมัติหรือสนับสนุนจากเว็บไซต์อื่น อย่างเช่น backlink จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา หรือเว็บไซต์ที่มีประวัติศาสตร์การละเมิดเงื่อนไขการใช้งานของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ

ส่วน Backlink ที่ดี (High-Quality Backlink) คือ backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา และได้รับการอนุมัติหรือสนับสนุนจากเว็บไซต์อื่น โดย backlink ที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสำคัญของเว็บไซต์ของเรา และส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาออนไลน์ได้โดยตรง

โครงสร้างของ backlink

ลิงก์ (Link) – เป็นส่วนที่ชี้ไปยังเว็บไซต์ของเรา 

ลิงก์ (Link) เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ Backlink ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์กัน โดยทั่วไปแล้วลิงก์จะประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่

  • URL หรือ Uniform Resource Locator: เป็นที่อยู่ของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการเชื่อมโยง โดยปกติแล้ว URL จะประกอบด้วยโพรโตคอล (Protocol) เช่น http, https, ftp และชื่อโดเมน (Domain name) เช่น google.com รวมถึงส่วนที่ระบุถึงเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง เช่น /search?q=backlink

  • Anchor Text: เป็นข้อความที่ใช้ในการเชื่อมโยงเพื่ออธิบายเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง ซึ่งจะแสดงผลเป็นลิงก์บนหน้าเว็บไซต์ โดยส่วนมากจะเป็นคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ต้องการเชื่อมโยง เช่น “อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Backlink”

ดังนั้น Backlink จึงเป็นการเชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์โดยใช้ลิงก์เพื่อส่งผู้ใช้งานจากหน้าเว็บไซต์หนึ่งไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ โดยที่ลิงก์นั้นสามารถประกอบด้วย URL และ Anchor Text ในการเชื่อมโยงเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และความเข้าใจในการใช้งานของผู้ใช้

  • เนื้อหาต้นฉบับ (Source Content) – เป็นส่วนที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเรา

เนื้อหาต้นฉบับหรือ Source Content ในทางเทคนิคของ Backlink เป็นส่วนที่มีลิงก์ (Link) ไปยังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งมักจะเป็นเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง และน่าสนใจ ซึ่งเราจะนำไปใช้ในกลยุทธ์การทำ SEO ของเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มพลังในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เนื้อหาต้นฉบับสามารถเป็นได้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหน้าเว็บไซต์ ส่วนที่มีลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งอาจจะเป็นบทความ รีวิวสินค้า บทความวิชาการ หรือแม้กระทั่งภาพถ่าย และวิดีโอที่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย เนื้อหาต้นฉบับนี้จะถูกนำมาสร้าง Backlink เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเก็บไว้เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเราในตัวแบบของเครื่องมือการค้นหา ซึ่งอย่างไรก็ตาม เนื้อหาต้นฉบับจะต้องมีคุณภาพและเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจเสมอ ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการทำ SEO ของเว็บไซต์เรา

  • เนื้อหาเป้าหมาย (Target Content) – เป็นส่วนที่มีการแทรกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเรา

เนื้อหาเป้าหมายหรือ Target Content ในทางเทคนิคของ Backlink เป็นส่วนที่มีการแทรกลิงก์ (Link) ไปยังเว็บไซต์ของเรา โดยเป็นเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าของเว็บไซต์อื่นๆ และมีการเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการแทรกลิงก์เชื่อมโยงนี้สามารถอยู่ในรูปแบบของตัวอักษร, คำ, รูปภาพ, วิดีโอ, หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชัน โดยลิงก์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา เนื้อหาเป้าหมายนี้สามารถเป็นได้ทั้งหมดหรือบางส่วนของหน้าเว็บไซต์ โดยจะมีการเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเราซึ่งอาจจะเป็นเว็บไซต์หรือหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเรา ซึ่งการทำ Backlink โดยใช้เนื้อหาเป้าหมายนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเราในตัวแบบของเครื่องมือการค้นหา แต่ต้องระวังการใช้ Backlink จากเนื้อหาเป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่เหมาะสมกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของเรา เพราะอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผลงาน SEO ที่ไม่ดีหรือมีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของเรา อย่างไรก็ตาม การใช้ Backlink จากเนื้อหาเป้าหมายที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเราจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ของเรา และช่วยเพิ่มโอกาสในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ของเราในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Backlink ควรใช้เนื้อหาเป้าหมายที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง โดยการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจต่อผู้อ่านจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมี Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของเราอีกด้วย

  • ข้อความเชื่อมโยง (Anchor Text) – เป็นส่วนที่อยู่ภายในเนื้อหาเป้าหมาย ที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา

ข้อความเชื่อมโยง (Anchor Text) เป็นส่วนที่อยู่ภายในเนื้อหาเป้าหมายที่ใช้เพื่อเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งส่วนนี้จะเป็นตัวบอกให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าหน้าเว็บไซต์ของเราเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือคำค้นหาอะไร ดังนั้นจึงสำคัญที่จะใช้คำหรือประโยคที่เกี่ยวข้องและมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ การใช้ Anchor Text ที่เหมาะสมและมีคุณภาพสูงยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของ Backlink และช่วยเพิ่มโอกาสในการอัพเดตคะแนนการจัดอันดับของเว็บไซต์ของเราในผลการค้นหาของเครื่องมือการค้นหา สำหรับผู้ที่ต้องการสร้าง Backlink ควรใช้ Anchor Text ที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง โดยการใช้คำหรือประโยคที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมี Backlink จากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของเราอีกด้วย แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้ Anchor Text ที่ซ้ำซ้อนหรือเกินจำเป็นเพราะอาจทำให้เครื่องมือค้นหาระบุว่าเราได้ทำการสร้าง Backlink อย่างไม่เหมาะสม และส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับไม่ดีที่ตามมาในอนาคตได้เลย

  • ความสัมพันธ์ (Relationship) – เป็นส่วนที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมาย ซึ่งสามารถเป็น backlink ได้หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ที่ใช้ anchor text เป็นชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์ที่อยู่ในคำอธิบายของเนื้อหาต้นฉบับ ฯลฯ

 ความสัมพันธ์ (Relationship) เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบของ Backlink ที่ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมาย โดยปกติแล้วจะเป็นลิงก์ที่อยู่ภายในเนื้อหาต้นฉบับ โดยส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบของตัวอักษรขนาดเล็กและเป็นสีเทา เพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่านี่เป็นลิงก์และสามารถคลิกได้ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งความสัมพันธ์อาจจะเป็นไปได้หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ที่ใช้ anchor text เป็นชื่อเว็บไซต์ของเรา หรือลิงก์ที่อยู่ในคำอธิบายของเนื้อหาต้นฉบับ โดยการใช้ความสัมพันธ์ในการสร้าง Backlink จะช่วยให้การออกแบบเนื้อหาและการวางแผนการสร้าง Backlink ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาต้นฉบับและเนื้อหาเป้าหมายมีความสัมพันธ์กันอย่างมากเพื่อเพิ่มค่าความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของเนื้อหาที่สร้างขึ้น.

การสร้าง Backlink ที่ดีต้องคำนึงถึงการเลือกเว็บไซต์ที่เหมาะสมและการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านของเว็บไซต์เหล่านั้น

นี่คือวิธีการสร้าง Backlink ที่ดี:

  • สร้างเนื้อหาที่ดี – สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน เนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมมาที่เว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น

  • ค้นหาเว็บไซต์ที่เหมาะสม – ค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและมีความน่าเชื่อถือ ทำการค้นหาโดยใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ เช่น “เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว”

  • ส่งอีเมล์และคำขอเชื่อมโยง – ส่งอีเมล์หรือคำขอเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่คุณพบว่าเหมาะสมและมีคุณภาพ เพื่อขอให้พวกเขาเชื่อมโยงกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ คุณควรใช้คำขอเชื่อมโยงที่สุภาพและเหมาะสม

  • สร้างโปรไฟล์ผู้ใช้บนโซเชียลมีเดีย – การสร้างโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียจะช่วยให้คุณสามารถโพสต์เนื้อหาของคุณและลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ โดยการโพสต์เนื้อหาในโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณและการใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยให้เนื้อหาของคุณพบกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

  • สร้างซับโดเมนของเว็บไซต์ของคุณ – การสร้างซับโดเมนของเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้คุณสามารถสร้างลิงค์เชื่อมโยงกลับไปยังเว็บไซต์หลักของคุณได้ โดยการสร้างซับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความน่าเชื่อถือจาก Google และเพิ่มโอกาสในการได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น

  • ใช้เครื่องมือการค้นหา Backlink – การใช้เครื่องมือการค้นหา Backlink เช่น Ahrefs, SEMrush หรือ Moz จะช่วยให้คุณค้นหาเว็บไซต์ที่สามารถสร้าง Backlink ได้และวิเคราะห์การสร้าง Backlink ของคู่แข่งของคุณ โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณประเมินค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เหล่านั้นๆ

DoFollow และ NoFollow

เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ DoFollow และ NoFollow ให้ดี ไม่งั้น การทำอันดับของเรา อาจจะมีปัญหาได้

  1. DoFollow เป็นการส่งพลังจากเว็บนั้นๆมาที่เว็บพวกเราโดยตรง ทำให้เว็บมีความน่านับถือ จังหวะการติดอันดับจะง่ายดายมากยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆในธุรกิจสายเดียวกันก็อาจไม่มีผู้ใดต้องการส่งอย่างนี้ให้เท่าไร

    นี่คือตัวอย่าง backlink แบบ dofollow ในรูปแบบของโค้ด HTML:

     
    <a href="https://www.example.com" target="_blank" rel="dofollow">Example</a>

    ในตัวอย่างนี้:

    • https://www.example.com คือ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงไปยัง
    • target="_blank" คือการกำหนดให้เปิดลิงก์ในหน้าต่างใหม่
    • rel="dofollow" คือการกำหนดให้เชื่อมโยงนี้เป็น backlink แบบ dofollow ที่ส่ง PageRank ของเว็บไซต์ต้นทางไปยังเว็บไซต์ปลายทาง

    ควรระวังการใช้งาน backlink เพื่อให้เป็นไปตามกฎและประกาศของ Google เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปรับแพ็คเกจการค้นหา (Search Engine Penalty) ดังนั้นควรจะทำการสร้าง backlink ให้เป็นธรรมชาติและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่าแก่ผู้ใช้งานที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงด้วย backlink นั้นๆ อย่างไรก็ตามการใช้ backlink จะต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเลือกใช้ซอร์สจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูงเท่านั้น ไม่ควรใช้ backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เชื่อถือได้หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับกฎหมายและจริยธรรมของสังคม

  2. NoFollow หมายถึงการผลิตทราฟฟิคจากเว็บอื่นๆมาที่เว็บพวกเรา เป็นการสร้างทราฟฟิคเพียงแค่นั้น ไม่ได้คะแนนความน่าไว้วางใจ แต่ว่าอีกต้นเหตุของแนวทางการทำ SEOหมายถึงเรื่อง ทราฟฟิค ถ้าพวกเราเขียนข้อมูลลงเว็บดี คนบางครั้งอาจจะเอาไปแชร์ ถึงไม่ได้เรื่องเชื่อได้ แต่ว่าก็ได้ทราฟฟิคมาทำให้เว็บไซต์พวกเราติด SEO ได้ด้วยเหมือนกัน

    นี่คือตัวอย่าง backlink แบบ nofollow ในรูปแบบของโค้ด HTML:

    php
     
     
    <a href="https://www.example.com" target="_blank" rel="nofollow">Example</a>

    ในตัวอย่างนี้:

    • https://www.example.com คือ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการที่จะเชื่อมโยงไปยัง
    • target="_blank" คือการกำหนดให้เปิดลิงก์ในหน้าต่างใหม่
    • rel="nofollow" คือการกำหนดให้เชื่อมโยงนี้เป็น backlink แบบ nofollow ที่ไม่ส่ง PageRank ของเว็บไซต์ต้นทางไปยังเว็บไซต์ปลายทาง

    การใช้ backlink แบบ nofollow จะช่วยลดความเสี่ยงของการถูกปรับแพ็คเกจการค้นหา (Search Engine Penalty) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่เราจะเชื่อมโยงไปยังนั้นมีคุณภาพและเชื่อถือได้หรือไม่ แต่ในเวลาเดียวกันการใช้ backlink แบบ nofollow ก็จะไม่ส่ง PageRank ให้กับเว็บไซต์ปลายทาง ทำให้ไม่มีประโยชน์ต่อ SEO ของเว็บไซต์ปลายทาง ดังนั้นหากเราต้องการส่ง PageRank ให้กับเว็บไซต์ปลายทางเราควรใช้ backlink แบบ dofollow แทน

เรื่องของ Backlink ก็ยังมีรายละเอียดต่างๆอีกมากมาย ได้แก่ ค่า DA/PA (Domain Authority/ Page Authority) ฯลฯ ซึ่งค่อนจะดีเทลพอควร แต่ในที่สุดแล้วเรื่องสำคัญเลยก็คือ ประสิทธิภาพและก็รายละเอียดของเว็บที่ทำลิงค์กลับมาหาพวกเรานั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวการเลือกเว็บที่พวกเราจะไปสร้างลิงค์กลับมาก็ให้คิดเช่นเดียวกันการจะเลือกคบเพื่อนนั่นแหละครับ คบเพื่อนฝูงดีพวกเราก็ย่อมจะดีไปด้วย แม้กระนั้นหากคบเพื่อนฝูงไม่ดีแล้ว ท้ายที่สุดก็จะพาพวกเราไปทุกข์ยากลำบากอย่างแน่นอน

Write a comment